ภาคเอกชนเชียงใหม่อั้นไม่ไหวรวมพลังบุกศาลากลางเข้ายื่นหนังสือร้องรัฐทบทวนขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บ.ชี้ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจสุดจะยื้อพร้อมปิดกิจการจำนวนมาก

ภาคเอกชนเชียงใหม่ ผนึกกำลังยื่นหนังสือขอภาครัฐทบทวนการปรับขึ้นค่าแรง 400 บาท วอนเห็นใจหลังภาวะเศรษฐกิจแย่กระทบธุรกิจหนัก ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบก้าวกระโดดยิ่งซ้ำเติมอีก สุดยื้อพร้อมจะปิดกิจการ

เชียงใหม่ 5 ก.ค- สืบเนื่องจากการพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ องค์กรภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมธนาคารไทยจังหวัดเชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการไทยจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ สมาคมผู้ผลิตและส่งออกสินค้าหัตถกรรมภาคเหนือและสมาคมร้านอาหารและสถานบันเทิงจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะตัวแทนของสถานประกอบการทุกขนาดและทุกประเภทกิจการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ยื่นหนังสือต่อ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอให้ทบทวนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เนื่องจากส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยังผันผวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้เกิดการลดจำนวนพนักงาน การเลิกจ้างและปิดกิจการในที่สุด

ทั้งนี้ภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ได้ขอแสดงความคิดเห็นคัดค้านต่อการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าวด้วยเหตุผล ดังต่อไปนี้

  1. การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำซ้ำซ้อน ในปี 2567 นี้มีการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำมาแล้วถึงสองครั้ง การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอีกครั้งในเวลาอันใกล้นี้ มีผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ
  2. ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภาระต้นทุน การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและบริบทของแต่ละจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านค่าครองชีพ ระดับราคาสินค้าและบริการ ตลอดจนศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการในแต่ละพื้นที่ การปรับขึ้นค่าจ้างที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยเหล่านี้ เป็นการเพิ่มภาระต้นทุนแก่ผู้ประกอบการอย่างไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
  3. ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อการจ้างงานและการลงทุน การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอย่างก้าวกระโดดย่อมต้องส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในภาพรวม โดยอาจทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงาน ลดกำลังการผลิต หรือชะลอการลงทุน เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของธุรกิจ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้
  4. ผลกระทบต่อค่าครองชีพ การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ อาจส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อย เช่น ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและผู้ประกอบอาชีพอิสระขนาดเล็ก ที่ไม่ได้รับผลประโยชน์ที่เป็นสัดส่วนเมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น

ในข้อเรียกร้องภาคเอกชนได้มีข้อเสนอแนะคือ 1. เห็นด้วยกับการสนับสนุนยกระดับรายได้ของแรงงาน แต่ควรพิจารณาจากทักษะฝีมือแรงงาน (Pay By Skils)เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity)

  1. การพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตามหลักการที่เป็นธรรมและยั่งยืนนั้น ควรยึดหลักการที่เป็นธรรมและคำนึงถึงความสามารถในการจ่ายของผู้ประกอบการ ควบคู่ไปกับการดูแลสวัสดิภาพของลูกจ้าง โดยอาจพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างในอัตราที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและบริบทของแต่ละพื้นที่
  2. ควรใช้สูตรคำนวณที่เป็นมาตรฐานและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ซึ่งการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ควรใช้สูตรคำนวณที่เป็นมาตรฐานสากลและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยคำนึงถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค อัตราเงินเฟ้อและผลิตภัณฑ์มวลรวมของแต่ละจังหวัด ทั้งนี้การพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ผ่านมาได้ยึดตามสูตรที่มีการจัดทำโดยนักวิชาการหลากหลายสาขาที่เกี่ยวข้องและเป็นสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่ามีความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ไม่ได้มีส่วนได้เสียโดยตรงจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมอย่างแท้จริง สูตรการคำนวณที่ใช้ควรเป็นสูตรที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยอมรับและสามารถอธิบายได้ในเชิงวิชาการอย่างเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อสร้างความมั่นใจในระบบไตรภาคีที่ร่วมกันพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ
  3. ควรเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายจ้าง ลูกจ้างและภาครัฐ ได้มีส่วนร่วมในการหารือและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นธรรมและยั่งยืนสำหรับทุกฝ่าย
  4. ภาครัฐควรสร้างสมดุลด้านรายได้และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพให้กับแรงงาน เพื่อสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น องค์กรภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่พิจารณาเห็นว่า จังหวัดเชียงใหม่ควรจะทำหนังสือถึงกระทรวงแรงงานและขอให้คณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดเชียงใหม่และคณะกรรมการค่าจ้าง ได้โปรดพิจารณาข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าว เพื่อให้การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย อันส่งผลดีต่อการพัฒนาภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของจังหวัดเชียงใหม่และของประเทศโดยรวมต่อไปด้วยเพราะเชื่อว่าทุกจังหวัดก็เผชิญปัญหาเดียวกันในเวลานี้.