รมว.ยุติธรรมนำคณะ ป.ป.ส.และเกี่ยวข้องขอบคุณ นบ.ยส.35 ช่วยสกัดยาเสพติดชายแดนพร้อมรับฟังปัญหาอุปสรรคเพื่อปรับแก้

รมว.ยุติธรรม พร้อมคณะติดตามผลการดำเนินงานด้านการสกัดกั้นยาเสพติดของ นบ.ยส.35 ที่เชียงใหม่ ให้กำลังใจ จนท. พร้อมรับฟังปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอเพื่อบูรณาการปรับแผนให้ตรงสถานการณ์จริง

เชียงใหม่ 29 พ.ย.- ที่หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35 ) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส.นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และคณะ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พลโท กิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35 ) นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับพร้อมรายงานสถานการณ์ยาเสพติด การดำเนินงานด้านปราบปราม และการบังคับใช้กฎหมายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ

โอกาสนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อขอบคุณให้กำลังใจ นบ.ยส.35 ที่ช่วยสกัดกั้นยาเสพติดจำนวนมหาศาลเทพารักษ์เข้ามาตามแนวชายแดน แต่สถานการณ์คนเสพยาในพื้นที่ยังมีน้อยกว่าภาคอีสาน การมาติดตามงานเป็นการขอบคุณและรับฟังสภาพปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อนำไปพิจารณาบูรณาการในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น สืบเนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยอาศัยความตามมาตรา 5(10) แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด เน้นย้ำการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของวงจรการค้ายาเสพติด การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย พร้อมเพิ่มขีดความสามารถ ในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการสกัดกั้นยาเสพติด เพื่อเป็นการลดการนำเข้ายาเสพติดและการส่งออกสารเคมี บริเวณชายแดนภาคเหนือ ตลอดจนการปราบปรามเครือข่ายของยาเสพติด ด้วยมาตรการยึดทรัพย์ โดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการปราบปรามทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้าน พลโท กิตติพงศ์ ชื่นใจชน ผบ.นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ยังคงมีความรุนแรง เนื่องจากอยู่ใกล้พื้นที่ผลิตหลักในประเทศเพื่อนบ้าน และยังมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นตัวเร่งอัตราการผลิต หน่วยจึงบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อการวางกำลังสกัดกั้นยาเสพติด ครอบคลุม 6 จังหวัด 21 อำเภอชายแดน ที่เชื่อมต่อพื้นที่ตอนใน โดยการเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจค้นพื้นที่ ทั้งเส้นทางหลัก เส้นทางรองและเส้นทางอ้อมที่ไม่ผ่านด่านตรวจ ขณะเดียวกันในปีงบประมาณ 2568 กรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้เข้ามามีบทบาทในการยกระดับความร่วมมือเชิงรุก เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับภูมิภาค เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังได้นำเสนอให้มีการปรับปรุงรายชื่อสารเคมี ที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน การเพิ่มเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสารเคมีในกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือเจ้าหน้าที่ ที่มีความเชี่ยวชาญประจำพื้นที่ล่อแหลม ในการส่งออกสารเคมี รวมทั้งเข้มงวดในการออกใบอนุญาต

ทั้งนี้ในห้วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค. – พ.ย.67) นบ.ยส.35 มีผลการสกัดกั้นและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการในพื้นที่ชายแดน จำนวน 8 เหตุการณ์ ตรวจยึดจับกุม 30 เหตุการณ์ ส่วนใหญ่ อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดตาก ตามลำดับ สามารถตรวจยึด จับกุม ยาบ้า ได้กว่า 38 ล้านเม็ดเศษ ไอซ์ 2,058 กิโลกรัม เฮโรอีน 140 กิโลกรัม คีตามีน 796 กิโลกรัม Happy water อีก 4.8 กิโลกรัม และ เคมีภัณฑ์กว่า 880 ตัน ซึ่งต้องช่วยกันทุกชองทางที่จะ “ลดยาเสพติดเข้า ลดสารเคมีออก”.